งานตำแหน่ง Maid ของโรงแรมทำอะไรบ้าง พูดง่ายคือทำความสะอาดห้องพักแขก ไม่ใช่แม่บ้านทำความสะอาดทั่ว ๆ ไปนะคะ Maid ของโรงแรมต้องมีความรู้ทางด้านปูเตียงแบบสากลมาพอสมควรถึงจะสมัครทำงานที่โรงแรมได้ (อันนี้หมายถึงโรงแรมระดับ 4 ดาว 5 ดาว นะคะ) อีกอย่างบางโรงแรม Maid ต้องพูดภาษาอังกฤษได้พื้น ๆ อันนี้จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ (ฮาฮ่า เดี๋ยวจะว่ามั่ว คุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านั้นขึ้นอยู่กับมาตรฐานแต่ละโรงแรมนะคะ)
พื้นงานที่ต้องทำเฉลี่ยแล้วจะต้องทำได้ประมาณ 12 - 20 ห้องต่อวัน (อันนี้จากประสบการณ์ที่ไปฝึกงานมา ปล.โรงแรมใจกลางกรุงเทพชื่อดังแห่งหนึ่ง) เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยเวลาเราไปขอฝึกงานที่โรงแรมทางด้านฝ่ายบุคคลมักจะส่งเราไปฝึกงานแผนกแม่บ้าน ให้เราไปเป็นลูกมือป้าแก่ ๆ
ไม่ได้จะว่านะคะ (แอบอ้น-ศรี มาใช้) คือตอนนั้นประมาณอารมณ์วัยรุ่น ยี่สิบต้น ๆ แต่ต้องฝึกงานแผนกนี้ พูดได้คำเดียวว่า "เหนื่อยสุดตรีน ป้าเอ้ย" คือป้าแก่ที่ใจร้ายหน่อยก็ใช้ ๆๆๆๆๆ แต่แกก็ดีนะที่แกยังโกงทิบด้วย ถ้าวันไหนก้าวเท้าขวาออกจากบ้านก็จะโชคดีเจอป้าแก่ ๆ ใจดี แกไม่ให้เราทำห้องน้ำเลยนะแกว่าป้าเข้าใจวัยรุ่น "นี่ ๆ ป้าโดนใจน้องมากมายอ่ะค่ะ" ให้ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ที่พอทำได้ แต่แกเสียอย่างเดียวให้เงินทิบเรายุติธรรมเกินไป "เย้ว!!!"
ผลการประเมินผลอาทิตย์แรก ดูสภาพตัวเองตอนกลับบ้านอาทิตย์แรก ไม่สามารถบรรยายได้ เพราะหลับเป็นตาย (หลับในกึ่งเบลอ ๆ จากความเหนื่อยล้า)
มาพูดถึงเงินทิบกัน แขกสากลโดยทั่ว ๆ ไปจะวางเงินทิบไว้ให้ Maid ที่ใต้หมอนบ้าง บนหมอนบ้าง บนโต๊ะหัวเตียงบ้าง แต่ถ้าวางไว้นอกเหนือจากนี้ "เอ๊ะ" เสียง Maid เริ่มเอะใจว่าเขาให้ทิบเราหรือว่าเงินเขาวางไว้เฉย ๆ นะ "อ่ะ ๆ เราเก็บ ๆ ไปก็แล้วกัน" มีอยู่วันนึงเราก็คุยเล่นกับป้าใจดีว่า "เอ๊ะ ๆ วันนี้แปลกห้องนี้ไม่มีทิบ สงสัยจะอยู่ใต้เตียงนะป้า" เราแซวป้าเล่นตามประสาคนปากเสียเหมือนเคย แล้วเราก็ก้มดูใต้เตียงมีจริง จริ๊ง (เหมือนมีเซ้นส์ เลยพูดออกไปอย่างนั้น) เอาเป็นว่าป้าไม่เชื่อคิดว่าเราเอาซ้อนไว้ เพราะเราแกล้งป้าแกบ่อย ๆ
ว่าไปแล้วแจ๋วน้อยก็ควรจะเข้าเรื่องได้แล้ว
บ่าย ๆ วันพุธเรากับเพื่อนนัดกันว่าจะไปยื่นใบสมัครเข้าฝึกงานที่โรงแรมระดับสี่ดาวชื่อดังใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง ก้าวเท้าเข้าทางหน้าโรงแรม (น่าจะครั้งแรกที่เข้าโรงแรมหรู) วะฮะว๊าวสวยหรูมากมาย วี้ว้าตามประสาเด็กน้อยเห็นสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เรายอมรับว่าก่อนหน้านี้เรากลัวที่จะเข้าโรงแรมหรู ๆ เพราะเราไม่ได้มาจากครอบครัวหรูหราอะไรเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง แต่ทุกคนที่ตั้งใจจะเรียนการโรงแรมโปรดรับรู้ไว้เลยว่า "เบื้องหน้าของความสวยหรูนั้นไว้สำหรับแขกผู้เข้าพักเท่านั้น" (อันนี้สำหรับเมืองไทยส่วนใหญ่ที่เห็น ๆ มา) แต่สำหรับพนักงานแล้วนั้น ณ วันนั้นที่เราเห็น "....." ไม่มีคำพูดอะไร ได้แต่มองด้วยความรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่เคยคาดฝันมาก่อน เพราะคาดหวังว่าทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังน่าจะสวยงามเหมือนกัน
เราจึงอยากแบ่งปันความรู้กับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่สนใจเรียนและทำงานด้านการโรงแรม ....
ในวันนั้นเมื่อเราเดินเลยจากพื้นที่ส่วนของลูกค้าก้าวเข้าเหยียบในบริเวณพนักงานโรงแรมแล้วนั้น เราแบ่งแยกพื้นที่ได้โดยดูจากรอยทาสีที่สดสวยตัดกับพื้นที่ในส่วนพนักงาน (เหมือนอยู่คนละโลก) สองข้างทางที่มีกำแพงตึกสีตุ่น ๆ โอบล้อมนั้นอาจจะมีของวางระเกะระกะของฝ่ายช่างบ้าง "ไหนว่ะพนักงานแต่งตัวสวย ๆ " เราเอ่ยถามเพื่อนแบบขำ ๆ วันนี้เราต้องการติดต่อส่วนของแผนกบุคคล เราต้องติดต่อที่ฝ่าย Security ตรงปากทางเข้าตึกเพื่อแรกบัตรผู้ติดต่อ
หลังจากนั้นเราและเพื่อนเดินตรงไปแผนกบุคคล กรอกใบสมัครและทำข้อสอบภาษาอังกฤษพอเป็นพิธี จากนั้นเราก็รอวันเริ่มต้นเป็นแจ๋วจำเป็นเท่านั้น
...แจ๋วจำเป็นเริ่มต้นงานวันแรก เราเข้าติดต่อฝ่ายบุคคลอีกครั้ง เพื่อต้องเข้า Orientation ของโรงแรม และเพื่อไปลอง Maid's uniform ที่สำคัญภาพลักษณ์ของพนักงานโรงแรมเกือบทุกคนต้องใส่รองเท้าคัตชู โดยเฉพาะส่วนของฝ่ายที่ต้องเจอลูกค้า (Front of the house : Maid, Receptionist etc.) ต้องเกล้าผมติดเน็ต Hairnet (เกล้าผมประมาณในภาพหรือจะเป็นแบบอื่นแต่ต้องเรียบร้อย คำว่าเรียบร้อยนี้แล้วแต่สายตาของฝ่ายบุคคลแต่ละโรงแรม แต่เน็ตต้องเป็นสีดำ หรือสีกรมท่าเท่านั้น) เครื่องแต่งตัวพร้อมแจ๋วจำเป็นพร้อมพี่ฝ่ายบุคคลผู้ใจดีก็พอเราไปส่งที่แผนกแม่บ้าน
แผนกแม่บ้านก็จะจับเราไปส่งให้ป้าแก่ ๆ คนใดคนหนึ่ง "วันนี้มีน้องฝึกมาช่วยนะป้า" พี่แผนกแม่บ้านที่พามาส่ง ส่งเสียงทักทายป้า Maid ขณะที่ป้าแกกำลังขัดเก็บเช็ดถูห้องน้ำแขกอยู่ "ดี ๆ มากี่คนละวันนี้" (พูดราวกับว่าเยื่อชั้นมาแล้ว เลยนะป้า) แจ๋วจำเป็นเริ่มตั้งแต่วินาทีนั้น
เราต้องเข้างาน ก่อนเวลาสักชั่วโมงกำลังดี เพราะเราจะได้กินข้าวเช้าฟรีที่โรงแรม (อันนี้กินที่บ้านก็ฟรีเรา พ่อแม่จ่ายวะฮะ) ต้องเปลี่ยน Uniform ต้องแต่งหน้าสวย ต้องตอกบัตรเข้างาน (ระบบสมัยนั้นอ่ะคร้า สมัยนี้เขาใช้เครื่องสแกนนิ้วกันแล้ว) ต้องเผื่อเวลา On Floor ด้วย **
พอขึ้นไปถึงชั้นที่เราต้องฝึกงาน ณ วันนั้นแล้ว เรามักจะเห็นป้าแก่อยู่ที่ห้องประจำ floor ก่อนเสมอ แกมักกำลังเตรียมผ้าทุกขนาดทุกชนิดที่จำเป็น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว (Towel) ผ้าเช็ดเท้า (Rug) ผ้าปูเตียง (Sheet) เตรียมสบู่ ยาสระผม โลชั่น น้ำยงน้ำยาทำความสะอาดที่จำเป็น และที่สำคัญเตรียมยิ้มและ say "good morning, Sir-Madam" รวมทั้งใบงานรายละเอียดแค่ประมาณว่ามีกี่ห้องที่ต้องทำ แต่ละห้องมีใครบ้าง ใครชอบไม่ชอบอะไร จากนั้นป้าแก่ก็เข็นรถออกไปที่ floor ติดตามไปด้วยแจ๋วน้อย ๆ ลากเครื่องดูดฝุ่นตามหลังป้าต้อย ๆ ป้าแก่ได้ทีจึงเคาะห้องเป้าหมาย "House Keeping" ป้าแก่แจ้งให้แขกทราบว่าใครกันกำลังเคาะประตูอยู่ หากไม่มีใครอยู่ป้าก็มี Key Card ประจำ floor นั้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดห้องสบายใจ
เราเข้าไปถึงก็วิ่งไปดูทิบก่อนเลย แต่บางครั้งเจอป้าแก่ร้าย ๆ แกจะชิงไปเปิดห้องเอาทิบก่อนที่เราจะรู้ตัวซะอีก เรารู้นะเพื่อที่ว่าเวลาแกแบ่งเงินทิบให้เรา เราก็ไม่รู้จำนวนเงินรวมทั้งหมดเท่าไร แกให้เท่าไรก็เอาว่ะ จากนั้นจึงมีกำลังใจดึงผ้าปูเตียง (sheet) เปลี่ยนผืนใหม่ทั้งสามผืน จัดเก็บเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เข้าที่ จากนั้นก็ดูดฝุ่น ป้าแก่ใจดีทำห้องน้ำไป เราก็เตรียมของใช้ในห้องน้ำเติมให้แก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันจนครบจำนวนห้องที่ได้รับคำสั่งมา
วิธีปูเตียง http://hotelllllllinformation.blogspot.com/2009/09/blog-post.html
Friday, September 11, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment